บทสรุปสั้น ๆ

ไม่มีใครรู้เลยว่า ความพอใจ ไม่พอใจก็คืออวิชชา

คนเราเกิดมาจากอวิชชา มันอยู่ในตัวของเราตั้งแต่เกิด หรือก่อนเราจะมาเกิดเป็นคน มันพัฒนาตัวมัน อย่างละเอียดลึกซึ้งเป็นลำดับ ไปจนถึงนิสัยใจคอ ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ถ้าเราไม่หยุดดูมันให้ดี ๆ หรือช้า ๆ เราจะไม่รู้เลยว่า ตัวเราทั้งหมดถูกขับเคลื่อนด้วยอวิชชาทั้งหมดในแต่ละวันไปตลอดชีวิต คนเราเกิดแล้วตายไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน เราก็ยังไม่รู้ว่าเราถูกขับเคลื่อนด้วยอวิชชา ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาเกิดในโลกนี้ เราจะไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า ตัวเราคืออวิชชา

ตัวเรามีอวิชชาหรือความไม่รู้ กำกับการดำเนินชีวิตของคนเราทุกคน

แต่ละวันคนเราบำเพ็ญอกุศลกรรมตลอดเวลา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนเราเวียนว่ายตายเกิด มานับภพนับชาติไม่ถ้วน ก็เพราะว่าคนเราเจริญเหตุปัจจัยในการเวียนว่ายตายเกิดตลอดเวลา ไม่ได้หยุด น้อยคนหรือเกือบจะไม่มีเลย ที่จะบำเพ็ญตนเองให้ได้เกิดเป็นคนอีก มีแต่บำเพ็ญไปนรกเดรัจฉานเป็นส่วนมาก ทุกข์คือความเกิด ถ้าเกิดอยู่ก็ต้องทุกข์ตลอดไป ถ้าดับการเกิดได้ ก็ดับทุกข์ได้ ดับความเกิดได้ ก็ดับอวิชชาได้ อวิชชาเกิดที่ไหน เกิดที่ตา หู อวิชชาจมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดเพราะตามสิ่งที่มากระทบสัมผัสไม่ทัน

เอาข้อมูลไม่เที่ยงเกิดดับ เข้าไปแทนความเห็นผิด

เอาไม่เที่ยงเกิดดับ ไปวิปัสสนาท่องจำ ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เอาเก็บไว้เป็นข้อมูลสัญญาความจำไว้ในใจ ใส่เหตุปัจจัยดับการเวียนว่ายตายเกิดลงไป คนเราไม่มีโอกาสรู้และเข้าใจว่า ความรู้สึกนึกคิดของเรานั้น คือความพอใจ ไม่พอใจนั่นเอง ทุกวันนี้เราก็ดำเนินชีวิตตามความรู้สึกนึกคิดของเราตลอดเวลา คนเราต้องกลับเข้าไปอยู่ในคุกของอวิชชา หรือพญามารอีก ต้องเวียนว่ายตายเกิดหาที่สิ้นสุดไม่ได้

อวิชชามันพัฒนาไปซ่อนอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของเราทุกคน

เพราะความไม่รู้ จึงไปหลงยึดมั่นถือมั่น ไม่ให้มันหนีไปจากตัวเรา และมันก็ยังผลักดัน ให้คนเราไปแสวงหาความพอใจ ไม่พอใจ หรืออวิชชาให้กับตัวเองตลอดเวลา ชีวิตของคนเรา จึงไม่มีเวลาพักผ่อนให้กับตนเอง มีแต่ไปไล่วิ่งตามหาความพอใจ ไม่พอใจ ถ้ารู้ว่ามันคืออวิชชาหรือทุกข์ถาวร คงไม่มีผู้ใดไปแสวงหาแน่นอน อวิชชา หรือขันธมาร กิเลสมาร อภิสังขารมาร มันเก่ง สามารถแปลงร่าง หลอกล่อให้คนเราหลงตามมันไปทุกหนทุกแห่ง หลงจนไม่รู้จักตัวเอง เป็นใคร เกิดมาทำไม

ความยึดมั่นถือมั่น เป็นสุดยอดของอวิชชา

ดังปัจฉิมโอวาทที่ตรัสไว้ว่า สิ่งใดมีเกิดขึ้น ย่อมเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ขอให้เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด คนเราประมาทที่ไหน ประมาทที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ประมาทเพราะตามสิ่งที่มากระทบสัมผัสตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่ทัน จึงไปหลงพอใจ ไม่พอใจ สิ่งที่ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง ถ้าตามทันสิ่งที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ว่าสิ่งนั้นไม่เที่ยง ก็ดับทุกข์ หรืออวิชชาได้ทันทีน่าเสียใจ และน่าเสียดายเวลาของชีวิต ที่เกิดมาเป็นคนในชาตินี้ เกิดมาไม่ได้อะไรเลยที่เป็นสิริมงคลของชีวิต ได้แต่ทุกข์เท่านั้นติดใจไปเกิดอีก ก็ทุกข์อีก หาที่สิ้นสุดไม่ได้

คนเราไปทำอะไรอยู่ทุกวันนี้

คำตอบ ไปทำตามความพอใจ ไม่พอใจหรืออวิชชา ไปพัฒนาอวิชชาที่ละเอียดลึกซึ้ง จนเป็นอนุสัยกิเลสให้กับตัวเอง ขณะนี้เราเกิดมาเป็นคนแล้ว ถ้าแก้ไขตัวเองให้รอดพ้นจากอวิชชาไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้เกิดมาเป็นคนอีกครั้ง น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นคนชาตินี้ ขาดสติปัญญา จึงไปหลงอวิชชา หรือความพอใจ ไม่พอใจ ไม่สามารถพาตัวเองกลับมาหาตัวเองจริง ๆ ได้ จึงไม่มีโอกาสจะได้แก้ไขตนเองไปหาสุขถาวรได้ มัวไปหลงมัวเมาสุขชั่วคราว คนเราเกิดมาเพราะอวิชชา อวิชชาเป็นเหตุปัจจัยให้คนเราเกิดมา ถ้าดับอวิชชาไม่ได้ ก็ดับการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้ จะดับอวิชชาได้ ต้องเอาความจริงคือ กฎธรรมชาติ ๒ กฎ หรือไม่เที่ยงเกิดดับมาทำซ้ำ จนเป็นความเคยชิน หรือพฤติกรรมเท่านั้น

Chief Executive Office

Chief Operating Officer

Chief Financial Officer

Managing Director

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy