ถ้าเราจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราจากการสร้างทุกข์ ไปเป็นการสร้างสุขนั้น จะต้องเปลี่ยนตัวผู้ควบคุมสั่งการในชีวิตของเรา เรารู้แล้วว่าตอนนี้ผู้ควบคุมสั่งการก็คือความไม่รู้ หรืออวิชชา หรือความพอใจ ไม่พอใจ สั่งการให้เราสร้างทุกข์ให้กับตัวเราเอง การสั่งการของมันละเอียดลึกซึ้งมาก จนคนธรรมดามองไม่เห็น ต้องอาศัยความรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะความไม่รู้มันเป็นตัวตนของคนเราทั้งหมด ทำให้คนธรรมดามองไม่เห็น มองส่วนไหนก็เห็นแต่ความไม่รู้ ไม่สามารถมองเห็นความจริงได้ พิสูจน์ได้จากการมองดูตัวของเราเอง มองดูทุกส่วนจะไม่เห็นความจริง จะเห็นแต่ความพอใจ ไม่พอใจเท่านั้น ความพอใจมีทั้งหยาบ ละเอียด ถ้าเป็นส่วนละเอียดให้ผลเราจะไม่รู้ ไม่เห็นอะไรเลยที่เป็นความจริงจริง ๆ นอกจากมองไม่เห็นตัวเราแล้ว โลกภายนอกที่เราไปเกี่ยวข้อง ก็ไม่เห็นความจริงเช่นกัน จะเห็นได้ว่าความมืดบอดของความพอใจ ไม่พอใจปิดบังตัวเราสนิทเลย
ฉะนั้นการแก้ไขตนเองจากทางผิด ไปสู่ทางถูกต้อง หรือหนทุกข์ไปหาสุขนั้นไม่ใช่ของง่าย ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างมาก เวลาที่เหลือของชีวิตของเราเหลืออยู่ไม่มาก จะต้องใช้เวลาทุกนาทีฝึกฝนตนเอง ตามทางที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ คือวิปัสสนาภาวนา พวกเราต้องรู้ด้วยว่า การฝึกฝนตนเองนั้น มีได้เฉพาะการเกิดมาเป็นคนเท่านั้น ภพภูมิอื่นไม่สามารถฝึกฝนตนเองได้ ตอนนี้ท่านเกิดมาเป็นคนแล้ว โชคดีเป็นของท่านแล้ว ถ้าท่านไม่ฝึกฝนไปหาสุขถาวร แล้วท่านก็จะถูกพฤติกรรมความพอใจ ไม่พอใจฝึกฝนตนเองไปหาทุกข์ หาที่สิ้นสุดไม่ได้
จึงเน้นให้พวกเราชาวพุทธให้มีปัญญาก่อน
ทุกข์ที่เราต้องหนีนั้นมันอยู่ในตัวคนเรา
เรื่องราวของชีวิตคนเราเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด