การกระทำที่มีความพอใจ ไม่พอใจกำกับในชีวิตประจำวันนั้น ดูแล้วไม่น่าจะมีผลออกมาทำให้ชีวิตของคนเราต้องไปตามนั้นได้อย่างที่เป็นอยู่ ดูผิวเผินมันไม่น่าจะมีพิษร้ายแรงอะไร แต่ถ้าดูให้ดี ๆ จะเห็นว่า คนเราเอาความพอใจ ไม่พอใจไปทำซ้ำในชีวิตของคนเราทุกวัน ทุกชาติ ทุกภพ จากไม่มีอะไร ก็มีอะไร เพราะไปทำซ้ำไม่หยุด ใจของคนเราเป็นธาตุรู้ เมื่อเอาความพอใจ ไม่พอใจไปทำซ้ำให้มันรู้ จิตก็เก็บเอาความพอใจ ไม่พอใจไว้ในใจ จนเป็นพฤติกรรมของคนเราแต่ละคน ความพอใจ ไม่พอใจที่เป็นวิบากกรรมหรือผลการกระทำ ถึงเวลาเหตุปัจจัยพร้อมก็จะออกมาให้ผล เริ่มตั้งแต่เกิดมา จะไปเกิดที่ไหน มีรูปร่างลักษณะอย่างไร ดีหรือเลว เกิดที่ทุกข์ เกิดที่สุข รูปร่างหน้าตา ที่อยู่อาศัย พ่อแม่ สังคมความเป็นอยู่ เพื่อนฝูง ลูกเมีย หน้าที่การงาน การดำเนินชีวิตแต่ละวัน สิ่งของเครื่องใช้ อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ ไม่น่าเชื่อว่าอวิชชา หรือความพอใจ ไม่พอใจเป็นผู้ลิขิต เพราะการทำซ้ำของคนเรา จึงมีข้อมูลเก็บไว้ในใจแน่นหนา เพราะการดำเนินชีวิตของคนเราต้องคิดก่อน จึงจะทำได้ จะคิดต้องมีข้อมูล ข้อมูลของคนเราทุกคนคือ ข้อมูลการทำซ้ำของความไม่รู้ เป็นฐานความคิด ข้อมูลการทำซ้ำเป็นพฤติกรรมของความเคยชินไปแล้ว มันมีความเร็วกว่าความคิดหลายเท่า คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ คิดก่อนไม่ได้ ต้องทำก่อน (ตามความเคยชิน) แล้วคิดทีหลัง เวลามีอะไรมากระทบตัวเรา สติก็จะไปควานหาข้อมูลในใจออกมาต้อนรับการกระทบ สติก็ไปเจอเอาพฤติกรรมทำซ้ำ ก็ลากหรือดึงเอาพฤติกรรมการทำซ้ำออกไปรับการกระทบ ชีวิตของคนเราจึงดำเนินชีวิตด้วยพฤติกรรมของความพอใจ ไม่พอใจ ที่ทำซ้ำเก็บไว้ในใจมานับภพนับชาติไม่ถ้วน นั่นก็คือ สติก็ลาก หรือระลึกเอาวิบากกรรมที่ทำ ไปทำซ้ำอีก เป็นอย่างนี้หาที่สิ้นสุดไม่ได้